คำถาม ผู้หญิง

6คำถามเบิกบานอารมณ์ที่ผู้หญิงแฮปปี้เมื่อถูกถาม

Home / ความรัก ความสัมพันธ์ / 6คำถามเบิกบานอารมณ์ที่ผู้หญิงแฮปปี้เมื่อถูกถาม

รู้ไหม ? ว่าคำถามแบบไหนที่ทำให้ผู้หญิงรู้สึกดี เวลาถูกถาม วันนี้เรามีวิธีทักสาวๆ ที่จะทำให้เธอรู้สึกแฮปปี้มากๆ เผลอๆ อาจได้ใจ สาวคนที่เราทักด้วยนะ มาลองดูกันนะ

6คำถามเบิกบานอารมณ์ ที่ผู้หญิงแฮปปี้เมื่อถูกถาม

1. ” ไปทำอะไรมา สวยขึ้นกว่าแต่ก่อนขึ้นเยอะเลย “

เราอาจจะดี๊ด๊าดีใจกับคำถามที่โดนถามเพราะฟังเหมือนเป็นคำชมว่า สวย ขึ้น แล้วเราก็จะตอบด้วยอาการขวยเขินว่า เปล่า ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ ก็บำรุงดูแลกันตามสภาพ แต่สิ่งที่ผู้หญิงเราอาจลืมนึกไปในทางตรงกันข้ามก็คือ ที่เขาพูดอย่างนั้นเขาไม่ได้ต้องการชมแต่เป็นเพราะเมื่อก่อนสารรูปของเราคงยับเยินดูไม่ได้ หาได้เป็นคำชมอย่างที่เราเข้าใจไม่

2. ” ผอมลงนี่ กำลังไดเอทอยู่หรือเปล่า “

สาระสำคัญของคำถามนี้ไม่ได้อยู่ที่ว่าเรากำลังไดเอทหรือไม่ แต่อยู่ที่ว่ามีคนสามารถรับรู้ได้ถึงการลดน้ำหนักของเรากับรูปร่างที่เพรียวกระชับได้ด้วยตาเปล่าของพวกเขา ซึ่งถือเป็นสุดยอดคำชมในความพยายามลดน้ำหนักของเรา แต่คำตอบที่เราตอบมักจะตอบแบบว่า เปล่า หรือไม่ก็ ก็กำลังพยายามอยู่แต่ไม่ได้ซีเรียสน (ทั้งที่กำลังพยายามลดละเลิกอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่)

3. “ใครนะที่มาส่งน่ะ แฟนหรือเปล่า “

ผู้หญิงมักไม่รู้สึกอยากปิดบังอำพรางความรักไว้รู้อยู่กันแค่สองคน ผู้หญิงต้องการโฆษณาประชาสัมพันธ์ความรัก โดยเฉพาะถ้าคนรักของเราเป็นบุรุษที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติ รูปสมบัติ และทรัพย์สมบัติด้วยแล้ว เราก็รีบเร่งอยากจะโชว์ตัวเขาให้คนอื่นๆได้เห็นในศํกยภาพของตัวเองที่สามารถดึงดูดผู้ชายเกรด A ให้มาหลงรัก โดยเฉราะอย่างยิ่งกับเพื่อนแล้ว เราก็มักจะพกพาเขามาอวดเพื่อนด้วย แล้วแน่นอนว่าเพื่อนๆก็จะไม่พลาดถามคำถามนี้แก่เรา

4. ” ชุดนี้ซื้อที่ไหนเนี่ย “

อีกหนึ่งคำถามที่ผู้หญิงเรารู้สึกภูมิใจกับทุกครั้งที่โดนถามก็คือ คำถามถึงแหล่งที่มาของเสื้อผ้าอาภรณ์ที่กำลังห่อพันกายอยู่ เพราะถ้ามันดูสวยและเสริมบุคลิกได้อย่างสง่าผ่าเผยผู้หญิงด้วยกันก็คงอดถามไม่ได้ว่าต้นตอความสวยงามนี้อยู่แห่งหนตำบลใด เพราะจะได้ตามไปซื้อหามาใส่ให้สวยตามมั่ง ซึ่งคนตอบก็เต็มใจให้ข้อมูลโดยไม่ปิดบัง เพราะเข้าใจได้ว่าหากมีคนมาถามว่าไปซื้อชุดนี้ที่ไหน ย่อมแสดงว่าชุดนี้คนโดนถามใส่แล้วสวยจนคนถามอยากได้บ้าง แต่ก็ระวังว่ามันมีการตีความคำถามนี้เป็นอื่นได้ แบบว่าในใจคนถามอาจคิดว่า ฉันจะได้ไม่หลวมตัวไปซื้อตาม เพราะมันดูไม่สวยแล้วไม่เข้ากับบุคลิกของเธอซะเลย เป็นต้น

5. ทานแค่นี้เองหรอ

ถ้ากลับคำถามเป็นว่า ทานเยอะขนาดนี้เลยหรอ แบบนี้คนโดนถามก็คงจะต้องรู้สึกกระอักกระอ่วน อายขายหน้ามากๆเพราะมันก็คือการประจานว่าการทานของผู้ถูกถามนั้นอยู่ในภาวะที่เกินลิมิตและมีปริมาณมากกว่าคนปกติ หรือจะเป็นการแอบกันเพื่อจุดประสงค์ให้ได้อาย แต่ในทางตรงกันข้ามกับคำถามว่า ทานแค่นี้เองหรอ กลับไม่สร้างความรู้สึกติดลบให้กับคนทาน เพราะการทานได้น้อยกว่าปกติมันหมายถึงมารยาทในการรับประทานอาหารที่ไม่แสดงออกซึ่งความตะกละตะกลามแล้วตะลุยจ้วงเข้าปากลูกเดียว แล้วก็แสดงออกว่ามันคือการกินเพื่ออยู่ ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน

6. เมื่อวานอยู่เคลียร์งานจนดึกซิท่า…

การถามคำถามบางคำถามถือเป็นการชี้นำให้เห็นอะไรบางอย่างที่หลายคนอาจลืม หรือไม่ก็ไม่มีโอกาสได้ทราบ หากมีเพื่อนร่วมงานถามเกี่ยวกับการทำตัวเป็นลูกจ้างคนขยันอยู่ทำงานแบบไม่เสร็จไม่ยอมกลับ ไม่ว่าคำถามนั้นจะได้ยินถึงเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานคนอื่นหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ตัวคนถามเองนั่นแหละที่รับรู้ในการทำความดีทำความชอบของเราการอยู่เคลียร์งานจนดึกดื่นเมื่อวานจึง ไม่ใช่การปิดทองหลังพระ แต่เป็นคำถามที่มีคุณค่าทางความรู้สึกว่าอย่างน้อยก็มีคนเห็นความดีของเราค่ะ