เมื่อคุณรู้สึกว่า ความสัมพันธ์ในครั้งนี้เริ่มจริงจังขึ้น แน่นอนว่า การพาแฟนไปทำความรู้จักกับพ่อแม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่แค่เป็นการที่แนะนำคนรักให้พ่อแม่รู้จักอย่างเดียว แต่เป็นการให้เกียรติเบบี๋ของคุณด้วย แต่เมื่อพาไปแล้ว พ่อแม่ของคุณกลับไม่โอเคกับเขานี่สิ! วันนี้ Campus-Star จะพาคุณไปแก้ปัญหา เรื่อง หนักใจมือก่ายหน้าผาก! ทำไงดี เมื่อพ่อแม่ เหม็นขี้หน้า แฟน ของคุณ!! เรื่องนี้มีทางออก ไม่ต้องคิดมากไป
พ่อแม่เหม็นขี้หน้าแฟน ทำยังไงดีนะ…
1. ตามน้ำไปก่อน
“น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง” พ่อแม่พูดอะไรก็ฟังเขาไปเถอะ เขาอาบน้ำร้อนมาก่อน ไม่ต้องไปโต้เถียงอะไรถ้าไม่จำเป็น เพราะ มันจะยิ่งทำให้เหตุการณ์ยิ่งเลวร้าย พิสูจน์ให้พวกเขาเห็นโดยการกระทำดีกว่าว่า แฟนของคุณน่ะเป็นคนดีจริงๆ เพราะ ยังไงการกระทำ มันก็สำคัญกว่าคำพูดหนิ จริงมั้ย?
2. รับฟังทุกๆ คน
คุณคิดว่าแฟนของคุณเป็นคนดี แต่จะบอกอะไรให้นะ คนเรามันหลงผิดได้ทั้งนั้นแหละ โดยเฉพาะยามมีความรัก สิ่งที่คุณเห็น อาจจะไม่เหมือนที่คนอื่นเห็น เพราะฉะนั้นก็อย่ามั่นใจอะไรๆ ให้มันมากไปเลย ฟังที่คนอื่นพูดคนอื่นเตือนบ้างเถอะ ไม่งั้นคุณอาจจะเงิบแดกทีหลังได้นะ
3. มีขอบเขต
ขอบเขตในที่นี้หมายถึง ขอบเขตของทั้งสองฝ่าย ทั้งกับพ่อแม่และกับแฟนของคุณ ฝ่ายพ่อแม่คุณก็รับฟังความเห็นของพวกเขา แต่คุณก็ต้องมีเส้นบอกว่าตรงไหนห้ามล้ำเข้ามาด้วย ในขณะที่กลับทางเบบี๋ของคุณก็เช่นเดียวกัน หากพวกคุณทั้งคู่ใช้ความจริงใจ และรักกันจริงๆ มีหรือที่พ่อแม่จะไม่เข้าใจ
4. ไม่จำเป็นต้องเลือก
ทั้งคุณแฟน และคุณพ่อ คุณแม่ของคุณ ต่างก็เป็นคนที่คุณแคร์และแคร์คุณทั้งสิ้น ถ้าคุณแสดงออกว่าเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็จะทำให้ให้ฝ่ายนั้นเสียใจ และสถานการณ์ก็จะตึงเครียดมากขึ้นกว่าเดิม เพราะฉะนั้น ช่วงนี้เป็นช่วงที่คุณจะต้องระวัง และให้ความใส่ใจกับทั้งสองฝ่ายให้มากๆ ใช้ความรักนี่แหละต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ ฝ่าฟันมันไปให้ได้
5. ท่องเอาไว้ในใจว่า “มันก็แค่จุดเล็กๆ ที่ต้องก้าวผ่านไป”
เอาจริงๆ สถานการณ์นี้มันก็เหมือนปัญหาในทุกๆ เรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคุณนั่นแหละ ตอนเจอมันแรกๆ คุณก็คิดว่า เราจะผ่านมันไปได้มั้ย? แต่เมื่อคุณไม่ยอมแพ้และต่อสู้กับมันจนฝ่าฟันมาได้ ทุกๆ อย่างก็ผ่านไป กลายเป็นเรื่องเล็กๆ ไปเลย แล้วพอลองมองย้อนกลับไป คุณจะเห็นว่า ทุกๆ ปัญหานั้นมันผ่านมาเพื่อสอนให้เราแข็งแกร่งขึ้น ถึงแม้มันจะเจ็บ มันจะทุกข์ แต่อย่างน้อยคุณก็เก็บมันไว้เป็นบทเรียนสอนใจได้แหละน่า
ที่มา http://www.hercampus.com