love วิธีสารภาพรัก แฟน

9 วัฒนธรรม การสารภาพรักสุดหวาน ของแต่ประเทศทั่วโลก

Home / ความรัก ความสัมพันธ์ / 9 วัฒนธรรม การสารภาพรักสุดหวาน ของแต่ประเทศทั่วโลก

ใกล้วันแห่งความรักแบบนี้ คำถามยอดฮิตที่ใครหลายๆ คนอยากรู้ก็หนีไม่พ้นเรื่องวิธีการสารภาพรักแบบไหนได้ผลดีที่สุด ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์ Naver ซึ่งเป็นหนึ่งในเว็บไซต์ยอดฮิตของชาวญี่ปุ่น ได้มีบทความเกี่ยวกับ “การสารภาพรัก” ของประเทศต่างๆ โดยที่แต่ละประเทศก็มีวิธีการบอกรักที่แตกต่างกันออกไปตามวัฒนธรรม ประเพณีของชาตินั้นๆ รวมถึงวิธีการแสดงความรักต่อกันระหว่างคู่รักก็แตกต่างกันออกไปด้วย และนี่ก็เป็นประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้น เรามาดูกันเลยว่าประเทศไหนจะสารภาพรักได้หวานที่สุด

วิธีการสารภาพรักสุดโรแมนติก

มาเริ่มกันที่ “ประเทศไทย”

ส่วนใหญ่แล้วในเมืองไทย ทั้งหญิงและชาย มักจะประสบกับความรักในแบบ รักข้างเดียว หรือ แอบรักเขาฝ่ายเดียว กันอยู่เสมอ ซึ่งฝ่ายหญิงมักจะเป็นฝ่ายรอให้ผู้ชายเข้ามาสารภาพรักก่อน และดูเหมือนว่าพวกเธอจะไม่ชอบความในแบบฉาบฉวย เพราะด้วยความเชื่อในสังคมไทยที่มองเรื่องการออกเดทครอบคลุมไปถึงเรื่องการแต่งงานกันเลยทีเดียว ดังนั้นถ้าหากคุณคิดจะเดทกับสาวไทยต้องเตรียมตัวโดนสอบประวัติส่วนตัวกันให้ดีเลย

ประเทศเกาหลีใต้

วัฒนธรรมการสารภาพของเกาหลีใต้ไม่ค่อยแตกต่างกับเมืองไทยมากนัก เนื่องจากฝ่ายชายมักจะเป็นคนที่สารภาพรักกับฝ่ายหญิงก่อน และผู้หญิงก็จะมองว่า การตอบรับออกเดทในครั้งแรกจะถูกมองว่า “ง่าย” เกินไป ดังนั้นพวกสาวๆ ก็จะขอปฏิเสธ เพื่อรอให้คุณหนุ่มๆ มาขอออกเดทกับเธออีกรอบ แต่ถ้าผู้หญิงคนไหนไม่อยากออกเดทกับชายหนุ่มที่ไม่ชอบก็จะตอบกลับไปว่า “ขอโทษทีค่ะ ฉันมีแฟนแล้ว” แต่ถ้าอยากออกเดทก็จะบอกว่า “ตอนนี้เราแค่ดูๆ กันอยู่นะ” แปลได้เลยว่า สาวคนนั้นอยากจะออกเดทกับคุณอีกครั้ง นอกจากนี้การนัดบอร์ดแบบเดี่ยวหรือแบบกลุ่มถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติมากๆ สำหรับชาวเกาหลี

ประเทศไต้หวัน

ต้องขอบอกเลยว่าผู้ชายประเทศนี้เป็นนักสู้กันมากๆ เพราะว่ามีสาวญี่ปุ่นท่านหนึ่งซึ่งเป็นโปรด้านการออกเดทกับหนุ่มๆ เธอได้เล่าว่า โดนสารภาพรักและขอออกเดทบ่อยมากๆ จากหนุ่มๆ ไต้หวัน ซึ่งบางทีต้องเขียนจดหมายแจ้งกลับ หรือโทรหา ทั้งที่ปฏิเสธเขาไปแล้วเป็นร้อยๆ ครั้งแล้วก็ตาม

นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่า หนุ่มไต้หวันมักจะระมัดระวังในเรื่องของการถูกเนื้อต้องตัวผู้หญิงเอามากๆ เขาจะระวังไม่ให้แตะต้องตัวเธอมากจนเกินไป ถึงแม้ว่าจะออกเดทกันแล้วก็ตาม ซึ่งสำหรับเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่บางคนอาจจะมองว่ามันดูห่างเหินไปหรือเปล่า

ประเทศญี่ปุ่น

ในฐานะที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศต้นตำรับการ์ตูนน่ารักตาหวาน เรื่องราวความรักเปรี้ยวอมหวาน ที่ใครหลายๆ คนชอบอ่านกันนั้น อาจจะทำให้ทุกคนคิดถึงฉากยืนสารภาพรักของหนุ่มสาววัยใส เช่น รุ่นพี่คะ ฉันชอบรุ่นพี่ค่ะ แถมด้วยบรรยากาศหัวใจฟรุ้งฟริ้ง เป็นต้น แต่หากในความเป็นจริงแล้วอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป…. หนึ่งในความคิดเห็นของชาวเน็ตบนเว็บไซต์ Yahoo! JAPAN ได้ระบุว่า “ฉันเคยสารภาพรักแค่ครั้งเดียวในชีวิต เราคบกันมาสามปีแล้ว และตอนนั้นฉันก็แค่ส่งข้อความไปบอกเขาว่า จะรออยู่ตรงสวนใกล้ๆ นะ พอเขามาถึงฉันก็บอกเขาไปตรงๆ เลยว่าชอบนะ หลังจากนั้นเราก็เดินกลับบ้านด้วยกัน”

สำหรับคำว่า “ชอบ” ของญี่ปุ่น อาจจะแปลได้ทั้ง “ชอบ” และ “รัก” แต่ในการพูดคำนี้จะต้องรู้ถึงความหมายของมันด้วยว่า “รู้ไหมว่าฉันรักเธอมานานแค่ไหน ฉันเฝ้าคอยที่จะใช้ชีวิตร่วมกับเธฮในอนาคตจนมีลูกมีหลานไปด้วยกัน” หรือบางทีก็อาจจะแค่ “ชอบเธอจริงๆ นะ” ก็ได้

ประเทศสหรัฐอเมริกา

คนอเมริกันทั่วไป เวลาเขาบอกรักกันก็แค่พูดออกมาว่า “มาคบกันไหม?” แต่ก็มีบางเหตุการณ์ เช่น ถ้าผู้ชายบอกว่า “ไปเที่ยวกันไหม” พวกสาวๆ จะทำหน้ารังเกียจพร้อมกับบอกว่า “ไม่!!” โดยที่หนุ่มบางคนก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าทำอะไรผิดไปหรือเปล่า เป็นไปได้ว่าในอเมริกาอาจจะมีวัฒนธรรมหลากหลาย ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับแต่ละคนมากกว่า… ดังนั้นเวลาสารภาพรักก็ควรใช้คำพูดที่ดีๆ เหมาะสถานการณ์นั้นๆ ด้วยน้า

ประเทศฝรั่งเศส

ดินแดนแห่งความรัก ชาวฝรั่งเศสจะใช้สถานการณ์เป็นตัวตัดสินว่ากำลังเดทกันอยู่หรือเปล่า ถ้าถามถึงเรื่องความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวปารีสก็มักจะตอบกันว่า “ไม่รู้สิ” ถึงจะมีหลายๆ บทความบอกว่า หนุ่มฝรั่งเศสค่อนข้างตรงก็ตาม แต่เขาก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องพูดขอเป็นแฟนกันเป็นทางการขนาดนั้น เพราะการกระทำเป็นตัวบ่งบอกถึงสถานะและความรักของที่เขามีให้กันและกัน

ประเทศอิตาลี

ชาวอิตาลีแสดงออกอย่างสุดตัวว่ากำลังอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งรัก แววตาที่มองกันเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ดูน่าหลงใหล แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่พร้อมจะกอดเอวเต้นระบำ หรือจูบกันอย่างดูดดื่มต่อหน้าคุณนะ บางคู่ก็มีความรักเรียบง่าย แค่มองตาก็เข้าใจ สื่อความรู้สึกกันทางโทรจิตก็ว่าได้

แต่ก็เหมือนทุกๆ ที่ในโลก ที่บางคนก็ยังเขินๆ อยู่ แต่ชาวอิตาลี เมื่อรู้สึกว่ารักใครสักคน ก็อดไม่ได้ที่จะต้องบอกอีกฝ่ายแทบจะทันที ใครไม่ชอบรอคอยเรื่องรักๆ ล่ะก็ หนุ่มอิตาลีตรงสเปคสุดแล้ว!!

ประเทศสเปน

หนุ่มสเปนจะไม่ค่อยพูดออกมาตรงๆ ว่าชอบ แต่เขาจะเน้นแสดงออกให้คุณเห็นว่า “อยากเดทกับคุณใจจะขาด” แต่เมื่อเดทกันปุ๊บ เขาก็จะมีปฏิกิริยาตอบกลับแทบทุกสิ่งที่คุณทำหรือเกี่ยวข้องกับคุณ บางทีหนุ่มสเปนอาจจะเก็บสิ่งที่ดีที่สุดไว้ให้กับคนที่เขาคิดแล้วว่ามีค่าพอ

ปิดท้ายด้วย “ประเทศบราซิล”

ประสบการณ์ของสาวญี่ปุ่นท่านหนึ่งที่เดทกับชาวบราซิล เธอเล่าว่า “กระทั่งจูบและมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้ว เขายังไม่เคยพูดเลยว่าจะเดทกับฉัน ฉันก็เลยคิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่พอคุยกับคนอื่น เขาก็บอก “ใช่ นี่แฟนเราเอง” เออ… นั่นสิ ถึงได้รู้ตัวว่า “เราเดทกันอยู่นี่นะ”

นอกจากนี้ ชาวบราซิลยังมีระดับความสัมพันธ์แบ่งเป็นสองขั้น เรียกว่า Ficar และ Namorar ชั้น Ficar คือ เจอกันทุกๆ วัน บ่อยๆ แต่อาจจะยังไม่ถึงแฟนกัน อาจจะมีจุ๊บกันบ้างอะไรบ้าง แต่ถ้าขั้น Namorar คือเรากับเขาพร้อมจะเป็นคู่ชีวิตกันไปตลอดแล้วนั่นเอง

———————————————-

แล้วเพื่อนๆ ล่ะ มีความรักแบบไหน? เมื่อเราเจอคนที่ใช่สำหรับเราแล้ว ก็จงทำตามเสียงของหัวใจ โดยไม่ลืมขนบธรรมเนียม ประเพณี และความเหมาะสมของสังคมด้วยนะ ให้เกียรติกันและกัน แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว >_<

ข้อมูลและภาพ : en.rocketnews24.com , www.cosmenet.in.th , www.pinterest.com